สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Monkey Car Detailing ทุกท่าน วันนี้เรามาสาระดีๆสำหรับคนรักรถ เกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องขัดสีมาเอาใจผู้ที่ชอบดูแลรถยนต์ รวมทั้งเจ้าของกิจการคาร์แคร์ และคาร์ดีเทลลิ่งกันว่า เครื่องขัดมีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร โดยรายละเอียดนั้นเป็นยังไงเราไปชมกันเลยครับ
ปัจจุบันเครื่องขัดสีมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลักๆ นั่นก็คือ
1. เครื่องขัดโรตารี่ (Rotary)
2. เครื่องขัด DA ( Dual Action)
3. เครื่องขัด Gear Action หรือ Force Rotation
1. ROTARY POLISHER / เครื่องขัดโรตารี่
เครื่องขัดโรตารี่ตัวเครื่องหมุนแบบกลมรอบแกนกลาง (Circular Motion) ระนาบเดียว ทำให้เกิดความร้อนสะสมบนผิวสีสูงกว่าเครื่องขัด DA ขัดลบรอยหนักได้ดีกว่าเครื่องขัด DA แต่มีความเสี่ยงต่อการทำให้สีไหม้ เครื่องขัดโรตารี่ควบคุมยาก และทิ้งรอย Hologram หลังจากการขัดอีกด้วย นิยมมากในกลุ่มของคาร์แคร์ และอู่สี ดังนั้นเครื่องตัวนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์รวมทั้งความขำนาญในการใช้เครื่องมือสูง เครื่องขัดระบบโรตารี่ที่นิยมใช้กันได้แก่ Rupes LH19e , Maxshine M1000 , Maxshine M550 , Festool Shinex และ Flex PE-14 150
จุดเด่นเครื่องขัดโรตารี่
1. ขับลบรอยได้เร็ว เหมาะกับการขัดลบรอยกระดาษทราย , รอยลึก และการขัดชักเงา
2. นิยมใช้คู่กับใบขัดขนแกะ (wool pad) และใบขัดเดนิม (Denim Pad)
3. มีประสิทธิภาพในการตัดผิวส้มสูงกว่าเครื่อง DA
3. Gear Action / Force Rotation Polisher ( เครื่องขัดระบบเฟืองเกียร์)
เครื่องขัดสีที่นำเอาระบบของเครื่องขัดประเภทโรตารี่ (Rotary) และ เครื่องขัดระบบข้อเหวี่ยง (DA) มาพัฒนาจนเกิดเป็นระบบ Gear Action หรือเรามักจะได้ยินในชื่อว่า Force Rotation ให้ประสิทธิภาพในการลบรอยสูงกว่าเครื่องระบบข้อเหวี่ยง (DA) และปลอดภัยกว่าเครื่องขัดประเภทโรตารี่นั่นเอง สร้างความร้อนสะสมน้อยกว่าเครื่องขัดโรตารี่ สามารถขัดลบรอยหนัก และชักเงาได้ครบในเครื่องเดียว เราได้ค้นหาเครื่องขัดระบบ Gear Action หรือ Force Rotation ไว้ว่ามีรุ่นใดบ้าง มาดูกัน Flex XFC3401 , Rupes LK900E และ Festool Rotex
-เหมาะสำหรับมือใหม่
-ใช้งานได้ครอบคลุมตั้งแต่ขัดลบรอย และขัดชักเงา
จุดเด่นเครื่องขัดระบบ Gear Action หรือ Force Rotation :
1. สามารถขัดลบรอย และขัดชักเงาได้
2. ไม่ทิ้งรอย Hologram
3. เหมาะสำหรับมือใหม่